การขับขี่รถยนต์ในช่วงหน้าฝนต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เพราะนอกจากทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ไม่ดีเนื่องจากฝนตกหนักแล้ว ถนนบางแห่งอาจมีน้ำท่วมขัง ซึ่งหากเป็นไปได้ ไม่ควรขับผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมสูง เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ของรถเสียหายได้ แต่หากจำเป็นต้องขับผ่าน วันนี้ทางเรามีทริควิธีมาบอกว่าควรทำอย่างไรหากจำเป็นต้องขับรถผ่านจุดน้ำท่วม
สิ่งที่ควรปฏิบัติขณะขับรถผ่านจุดน้ำท่วม
- เบรคและชะลอรถให้ความเร็วให้เหลือไม่เกิน 60-80 กม./ชม. สำหรับน้ำท่วมขังทั่วไป หรือหากเจอน้ำท่วมขังสูงระยะทางยาว ให้ขับไม่เกิน 20-30 กม./ชม. เนื่องจากหากใช้ความเร็วผ่านน้ำท่วมขังอาจทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวได้ และการลุยน้ำด้วยความเร็วสูงจะทำให้ชิ้นส่วนกระแทกหรือหลุดเสียหายได้
- ไม่ควรขับผ่านระดับน้ำที่ท่วมเกิน 30 ซม. หรือประมาณครึ่งล้อรถ หรือสังเกตจากขอบฟุตบาทได้ซึ่งฟุตบาททั่วไปจะอยู่ประมาณ 10-20 ซม. หากขับรถบนต์ผ่านจุดน้ำท่วมขังสูง มีโอกาสเครื่องยนต์ดับได้
- ปิดระบบแอร์ ควรปิดระบบแอร์หากต้องขับผ่านจุดท่วมขังเป็นเวลานาน เนื่องจากระบบแอร์จะทำให้ใบพัดในห้องเครื่องยนต์ทำงาน ซึ่งจะพัดโดนน้ำที่ท่วมอยู่อาจทพให้เกิดใบพัดหรือส่วนอื่นๆ ของเครื่องยนต์เสียหายเพิ่มเติมได้
- ใช้เกียร์ต่ำ ถ้าหากเป็นเกี่ยร์ออโต้ ควรใช้เกียร์ 2 หรือ L เพื่อให้ความเร็วของรถคงที่ตลอดเวลา ไม่ควรเร่งแล้วหยุดบ่อยครั้ง
- เว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากกว่าปกติ 2-3 เท่าจากปกติ เนื่องจากประสิทธิภาพเบรคเมื่ออยู่ในน้ำจะทำงานได้ไม่เต็มที่ และหลังผ่านจุดน้ำท่วมให้ย้ำเบรค 2-3 ครั้งเพื่อไล่สิ่งสกปรกออกจากหน้าระบบเบรค
น้ำท่วมระดับไหนถือว่าอันตราย
สำหรับรถเก๋ง
รถเก๋งทั่วไปจะมีความสูงตัวรถสูงจากพื้นประมาณ 20-25 ซม.
สำหรับรถ SUV หรือ กะบะ
30-40 ซม. ซึ่งจะเป็นระดับที่อยู่ประมาณครึ่งล้อ ไม่ถึงท่อไอเสีย หรือระดับที่น้ำอยู่ที่ใต้ตัวเครื่องพอดี หากเกินจากระดับดังกล่าว อาจทำให้น้ำเข้าระบบตัวเครื่องยนต์หรือเข้าห้องโดยสารได้
จุดน้ำท่วมยอดฮิตของกทม ฝนตกเมื่อไร เลี่ยงได้เลี่ยง
- ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงจากคลองประปาถึงคลองเปรมประชากร ( เขตหลักสี่)
- ถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพ ( เขตจตุจักร)
- ถนนพหลโยธิน บริเวณหน้าตลาดอมรพันธุ์และแยกเกษตร ( เขตจตุจักร)
- ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 บริเวณแยกเตาปูน (เขตบางซื่อ)
- ถนนราชวิถี บริเวณหน้าราชภัฏสวนดุสิตและเชิงสะพานกรุงธน (เขตดุสิต)
- ถนนพญาไท บริเวณหน้ากรมปศุสัตว์ ( เขตราชเทวี )
- ถนนศรีอยุธยา บริเวณหน้า สน.พญาไท ( เขตราชเทวี)
- ถนนจันทร์ ช่วงจากซอยบำเพ็ญกุศลถึงที่ทำการไปรษณีย์ยานนาวา (เขตสาทร)
- ถนนสวนพลู ช่วงจากถนนสาทรใต้ถึงถนนนางลิ้นจี่ (เขตสาทร)
- ถนนสาธุประดิษฐ์ บริเวณแยกถนนจันทร์ (เขตสาทร)
- ถนนสุวินทวงศ์ ช่วงจากคลองสามวาถึงคลองแสนแสบ (เขตมีนบุรี )
- ถนนเพชรเกษม ช่วงจากคลองทวีวัฒนาถึงคลองราชมนตรี ( เขตบางแค)
- ซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ จากถนนเพชรเกษมถึงวงเวียนกาญจนาภิเษก (เขตบางแค)
- ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ช่วงจากถนนพระรามที่ 2 ถึงคลองสะแกงาม (เขตบางขุนเทียน)
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการขับรถผ่านจุดน้ำท่วม
ขับรถผ่านน้ำท่วมเร็วๆ เพื่อให้พ้นจุดน้ำท่วมได้ไวไว – การขับผ่านจุดน้ำท่วมขังด้วยความเร็ว อาจก่อให้เกิดภาวะเสียการควบคุมเนื่องจากลื่นไถลได้ และการขับด้วยความเร็วในน้ำท่วมขังจะทำให้เกิดคลื่นน้ำวนเข้าตัวเครื่องได้เช่นกัน
ขับรถผ่านจุดน้ำท่วมจนรถเสีย ควรปฎิบัติตัวอย่างไร
หากรถเกิดเสียหรือดับระหว่างขับผ่านจุดน้ำท่วม ไม่ควรบิดกุญแจเพื่อติดเครื่องยนต์หลายครั้ง ควรเคลื่อนย้ายรถยนต์ออกจากจุดน้ำท่วมและให้ช่างตรวจเช็คเครื่องยนต์ก่อนว่าเครื่องยนต์มีความเสียหายพร้อมใช้งานหรือไม่ เพราะการสตาร์ทรถทันทีอาจทำให้น้ำเข้าไปในรพบบเครื่องยนต์หรือเสียหายได้
หรือ หากรถยนต์จอดแช่น้ำไว้อยู่ ควรตรวจสอบระบบของเหลวว่ามีน้ำปะปนเข้าในระบบตัวรถหรือไม่ ก่อนนำไปใช้งานด้วย หากมีปะปนจะทำให้เครื่องบนต์เสียหายได้เช่นกัน
รถเสียเพราะน้ำเข้าเครื่องเคลมประกันได้ไหม
หากเรามีการทำประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองในหัวข้อน้ำท่วมด้วย เราสามารถเคลมกับทางประกันภัยได้ ซึ่งรายละเอียดความคุ้มครองต้องอ่านจากเอกสารกรมธรรม์ ซึ่งโดยเบื้องต้นจะคุ้มครองรายละเอียดตามนี้
- กรณี น้ำท่วมเกิดจากภัยธรรมชาติจนน้ำท่วมเข้ารถยนต์เสียหาย อย่างเช่น จอดรถไว้แล้วเกิดพายุจนน้ำท่วม กรณีนี้ประกันรับผิดชอบ
- กรณี รถติดอยู่บนถนน ไม่สามารถขยับไปไหนได้ แล้วเกิดฝนตกหนักจนน้ำท่วม กรณีนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ประกันรับผิดชอบ
- กรณี ขับรถแล้วเจอจุดน้ำท่วมขังแล้วประมาท หรือจงใจเข้าไปในจุดน้ำท่วมทำให้เครื่องยนต์เสียหาย กรณีนี้ประกันไม่รับผิดชอบ
- กรณี น้ำท่วมรถแล้วมีเจตนาสตาร์ทรถเพื่อให้เกิดความเสียหายกับตัวรถ กรณีนี้ประกันไม่รับผิดชอบ
หากเกิดเหตุน้ำท่วมและต้องการเรียกประกัน ควรถ่ายรูปขณะเกิดเหตุน้ำท่วม และโทรแจ้งทางประกันเพื่อประสานรถยกและจัดหาสถานที่ซ่อมให้
รถเสียเพราะน้ำเข้าเครื่อง มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมเท่าไร
สำหรับการประเมินค่าซ่อมรถยนต์น้ำท่วมนั้น ทาง คปภ. มีการกำหนดราคากลางในการรับผิดชอบของประกันภัยรถยนต์ โดยมีเกณฑ์รับผิดชอบดังนี้
ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท
ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท
ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท
ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป
ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย
ทั้งนี้การประเมินความเสียหาย ต้องดูจากสภาพตัวรถจริง และรุ่นรถด้วย โดยรถยุโรปก็อาจจะมีค่าซ่อมที่มากกว่ารถญี่ปุ่น
จบแล้วสำหรับคำแนะนำในการขับรถลุยน้ำท่วม หากลูกค้าท่านไหนขับรถผ่านจุดน้ำท่วมจนรถเสีย น้ำเข้าเครื่อง ต้องใช้เวลาในการซ่อมนาน สามารถมา เช่ารถกรุงเทพ กับซัมเมอร์ได้นะคะ ราคาไม่แพงค่ะ โดยสามารถดูรายละเอียดรุ่นรถและราคาได้ที่ เช่ารถ